ด้านกายภาพ >> การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ริมตลิ่ง >> ปี 2564 >> ผลการศึกษาการหายไปของพื้นที่ตลิ่ง
1. พื้นที่ศึกษา
พื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงสายประธาน ในเขตพรมแดนประเทศไทย ตลอดความยาว 958 กิโลเมตรอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี รายละเอียดแสดงดังรูปที่ 1
กลุ่มที่ปรึกษาได้ดำเนินการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตลิ่งริมแม่น้ำโขงสายประธานของประเทศไทย โดยเลือกใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) จากภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ในการศึกษา ร่วมกับการประมวลผลและจัดทำแผนที่ด้วยโปรแกรมประยุกต์ด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์โดยเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของสัณฐานของตลิ่งริมน้ำโขงสายประธานในเขตประเทศไทยทั้ง 8 จังหวัดเลือกช่วงเวลาในการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงรายปี ระหว่างช่วงฤดูแล้งในอดีตและในปีปัจจุบันเพื่อประเมินผลกระทบจากการกัดเซาะของกระแสน้ำโขงต่อพื้นที่ริมตลิ่งบริเวณริมฝั่งขวาแม่น้ำโขง โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey : USGS) ภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าว มีคุณลักษณะของพื้นที่ระวางกว้าง183 กิโลเมตร ยาว 170 กิโลเมตร และมีความละเอียดของจุดภาพที่ 30×30 เมตร มาทำการวิเคราะห์ประเมินตำแหน่ง พิกัดและขนาดของพื้นที่ริมตลิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง ใช้ชุดข้อมูลอนุกรมเวลาของภาพถ่ายปีต่าง ๆ เปรียบเทียบกัน (Time Series) รวมทั้งลงสำรวจภาคสนามอีกครั้ง และเก็บข้อมูลภาพถ่ายจากอากาศยานไร้คนขับ (drone) ในพื้นที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงสูงในจังหวัดต่าง ๆ
สำหรับการศึกษาปี พ.ศ. 2564 ที่ปรึกษาได้นำผลจากการศึกษาระหว่างปี พ.ศ. 2563-2564 มาศึกษาการกัดเซาะตลิ่งและการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของลำน้ำ ซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบ
ต่อวิถีชีวิตและพื้นที่ชุมชนริมน้ำ โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาและในปีปัจจุบัน ร่วมกับข้อมูลหรือเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลิ่ง เพื่อนำมากำหนดพื้นที่เป้าหมายในการสำรวจหรือตรวจสอบ และนำมากำหนดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดการกัดเซาะตลิ่งและการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของลำน้ำ สำหรับวางแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
รูปที่ 1 พื้นที่ 8 จังหวัดที่ศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงตลิ่งและการพัดพาตะกอนของแม่น้ำโขงสายประธาน
2. วิธีการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตลิ่งและการพัดพาตะกอน
กลุ่มที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาเพื่อจัดทำฐานข้อมูลการพังทลายและการทับถมของตลิ่งในประเทศไทย โดยการนำเอาเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) จากภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ในการศึกษาเพียงปัจจัยเดียว ร่วมกับการประมวลผลและจัดทำแผนที่ด้วยโปรแกรมประยุกต์ด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของสภาพลำน้ำโขง ของช่วงฤดูแล้งในปีปัจจุบันระหว่างปี พ.ศ. 2563 และปี พ.ศ. 2564 ทำให้ได้ทราบถึงแนวกัดเซาะของตลิ่งของพื้นที่ริมฝั่งขวาแม่น้ำโขงในภาพรวม โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey : USGS) โดยมีขนาดพื้นที่ระวางกว้าง 183 กิโลเมตร ยาว 170 กิโลเมตร และมีความละเอียดของจุดภาพที่ 30×30 เมตร มาทำการวิเคราะห์พื้นที่การเปลี่ยนแปลง ด้วยการวิเคราะห์แบบชุดข้อมูลย้อนหลัง (Time Series) มีวิธีการดังนี้
รูปที่ 2 แผนผังการศึกษาการพังทลายของตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขงสายประธาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
1) การรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ
- ทบทวนรายงานการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาด้านสัณฐานตลิ่งริมน้ำโขง ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และเอกสารงานศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง
- ข้อมูลพื้นฐานทางภูมิศาสตร์ เช่น ขอบเขตจังหวัด/อำเภอ/ตำบล ในพื้นที่ศึกษา
- ภาพถ่ายดาวเทียม Landsat ในพื้นที่ศึกษาและช่วงเวลาเหมาะสม
2) การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม
- วิเคราะห์ภาพถ่ายข้อมูลดาวเทียมในแต่ละปี เพิ่มเติมจากการศึกษาก่อนหน้าและปรับปรุงจนถึงภาพถ่ายปี พ.ศ. 2564
- ข้อมูลดาวเทียม Landsat Level 1A ที่มีการปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเชิงรังสี (Radiometric Correction) และการปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเชิงเรขาคณิต (Geometric Correction) ซึ่งจะใช้ข้อมูลดาวเทียมในปี พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานมาเป็นเส้นฐานหลัก (Baseline) ของตลิ่งแม่น้ำโขง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมในแต่ละปีที่เป็นข้อมูลปีปัจจุบันที่สุด
ตารางที่ 1 ข้อมูลดาวเทียมต่าง ๆ และช่วงปีและเดือนที่นำภาพมาใช้ในการศึกษานี้ดาวเทียม ปี พ.ศ. ที่นำภาพมาใช้ ช่วงเดือน หมายเหตุ Landsat 8 พ.ศ. 2564 มกราคม – เมษายน – - การจำแนกด้วยดัชนีผลต่างความชื้น (The Normalize Difference Water Index : NDWI) เป็นการนำภาพถ่ายดาวเทียมในแต่ละปีมาแยกระหว่างพื้นดินกับพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยการคำนวณค่าการสะท้อนแสงในรูปตัวเลข (Digital Number) มีค่าอยู่ที่ -1 ถึง 1 ในที่นี้ คือ การเข้าสัดส่วนซึ่งกันและกันแล้วให้ผลลัพธ์ในการจำแนกในบริเวณที่เป็นน้ำ และพื้นที่ที่ไม่ใช่น้ำได้อย่างชัดเจน ด้วยสมการ
เมื่อ
Green = ช่วงคลื่นสีเขียว
NIR = ช่วงคลื่นอินฟราเรดใกล้ - จำแนกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยการจำแนกประเภทข้อมูลแบบควบคุมจุดภาพ(Supervised Classification) แบบความน่าจะเป็นสูงสุด (Maximum Likelihood)
2.1) ช่วงเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตลิ่ง
กลุ่มที่ปรึกษาจะดำเนินการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงด้วยเทคนิค Overlays Analysis จากข้อมูลแนวเส้นแม่น้ำโขงที่ได้ จากการใช้สมการ Normalize Difference Water Index : NDWI ภายใต้แนวคิดที่จะอ้างอิงแนวแม่น้ำโขงเส้นหลัก ปี พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นก่อนที่จะมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธาน โดยดำเนินการรวบรวมข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพิ่มเติมให้เป็นปัจจุบันมากที่สุดที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ที่เป็นทางการของกรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey : USGS) เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด และปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงรายปีจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม โดยแบ่งช่วงเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลตามช่วงเวลาของการดำเนินการการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้
- ช่วงปีก่อนที่จะมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธาน ช่วงปี พ.ศ. 2528–2534
- ช่วงปีหลังมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประมาณตอนบน แต่ก่อนที่เขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนล่าง เขื่อนแรกของ สปป.ลาว (เขื่อนไซยะบุรี) เปิดดำเนินการ ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561
- ช่วงปีหลังจากที่เขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนล่าง เขื่อนแรกของสปป.ลาว (เขื่อนไซยะบุรี) เปิดดำเนินการ (พ.ศ. 2562-2564)
ภายหลังจากดำเนินการหาการเปลี่ยนแปลงของริมตลิ่งแม่น้ำโขงเรียบร้อยแล้ว กลุ่มที่ปรึกษาได้นำผลการศึกษาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มาวิเคราะห์ปรับปรุงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของริมตลิ่งแม่น้ำโขงให้เป็นปัจจุบัน และปรับปรุงการกำหนดเกณฑ์ประเมินพื้นที่มีแนวโน้มได้รับความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงของตลิ่ง ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด
2.2) การตรวจสอบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของตลิ่งในภาคสนาม
กลุ่มที่ปรึกษากำหนดแผนงานการลงสำรวจในภาคสนาม (Ground-truth Survey) ณ บางพื้นที่ ซึ่งได้ประเมินด้วยภาพถ่ายดาวเทียมว่ามีความเสี่ยงสูง (ร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของตลิ่งสูง) เพื่อยืนยัน
ผลการศึกษาโดยวิธีการประเมินจากภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในด้านความละเอียด โดยลงสำรวจพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตลิ่งริมตลิ่งแม่น้ำโขงสายประธาน โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ตามความจำเป็นและเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลเชิงพื้นที่ซึ่งละเอียดทวนสอบความถูกต้องกับข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อบันทึกภาพการเปลี่ยนแปลงของตลิ่งที่เกิดขึ้นและใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานของพื้นที่นั้น ๆ โดยขั้นตอนการวิเคราห์หาพื้นที่ในการลงสำรวจด้วยอากาศยานไร้คนขับในการศึกษาของปีนี้ มีดังนี้
- วิเคราะห์หาพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการซ้อนทับข้อมูลเชิงพื้นที่ (Overlays Analysis) เพื่อหาพื้นที่การกัดเซาะและทับถมของพื้นที่แม่น้ำโขงฝั่งไทยในปี พ.ศ. 2564 และพิจารณาความสอดคล้องของสภาพพื้นที่กับผลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม
- กำหนดตัวแทนตำแหน่งของพื้นที่มีแนวโน้มได้รับความเสี่ยงสูงด้านการกัดเซาะ/ทับถม เพื่อทำการลงสำรวจพื้นที่จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดของปี พ.ศ. 2564
- จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมข้อมูลปี พ.ศ. 2564 จะใช้ข้อมูลการวิเคราะห์มาช่วยในการกำหนดตำแหน่งการลงพื้นที่สำรวจจุดกัดเซาะเขื่อนกั้นตลิ่งตามแนวแม่น้ำโขงของพื้นที่ศึกษาทั้งหมด 8 จังหวัด ระยะทาง 330 กิโลเมตรการกำหนดตำแหน่งการลงพื้นที่สำรวจจะมุ่งเน้น
ในพื้นที่โดยรอบของสถานีตรวจวัดน้ำของประเทศไทยทั้ง 6 สถานี พื้นที่ที่มีกลุ่มของการกัดเซาะและทับถมที่อยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยและชุมชน และพื้นที่ที่มีแนวเขื่อนกั้นตลิ่ง โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมาเป็นตัวช่วยเพื่อให้ข้อมูลตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขงมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยการคัดเลือกจุดสำรวจนั้น เพื่อดูว่าพื้นที่บนฝั่ง ณ จุดที่มีการกัดเซาะและทับถมมีกิจกรรมหรือการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทใด - การกำหนดเกณฑ์คัดเลือกพื้นที่ในการลงสำรวจ ได้แก่
ความปลอดภัย การเลือกจุดพื้นที่กัดเซาะและทับถม จะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าสำรวจในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากผู้เข้าสำรวจต้องเข้าพื้นที่ทำการศึกษาเฉพาะจุด (Hotspot) เพื่อทำการบันทึกภาพจากระบบหุ่นยนต์อากาศยาน ดังนั้น พื้นที่สำรวจจึงต้องเป็นจุดที่ปลอดภัย และได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานราชการและชาวบ้านในพื้นที่ จึงเลือกเป็นจุดพื้นที่ศึกษา
ความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ หลังจากได้พื้นที่การกัดเซาะและทับถม แล้วจึงนำมาพิจารณาสภาพแวดล้อมว่ามีลักษณะของพื้นที่เป็นอย่างไร สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายหรือไม่ เพื่อใช้สำหรับคัดเลือกพื้นที่ในการสำรวจ - หลังจากได้พื้นที่ที่ผ่านการคัดกรองเรียบร้อยแล้ว จะนำอากาศยานไร้คนขับมาใช้ในการเก็บข้อมูลทำแผนที่เฉพาะจุด (Hotspot Area) ในตำแหน่งที่ได้ทำการวิเคราะห์ไว้ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูงที่จะนำมาเปรียบเทียบหาความสอดคล้องกับข้อมูลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม และเป็นฐานข้อมูลต่อไปในอนาคต
2.3) การสำรวจด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV)
จากการประมวลผลด้วยการซ้อนทับ (Overlays Analysis) ของข้อมูลแนวแม่น้ำโขงปี พ.ศ. 2564ซึ่งเป็นปีล่าสุดในการคำนวณหาพื้นที่การเปลี่ยนแปลงของตลิ่ง มาทำการคำนวณหาพื้นที่ที่มีการกัดเซาะมากที่สุด โดยนำข้อมูลตลิ่งที่ทำการก่อสร้างด้วยมนุษย์มีระยะทางประมาณ 330 กิโลเมตร มาตัดพื้นที่ออกเพื่อให้เหลือแต่พื้นที่ตลิ่งตามธรรมชาติเท่านั้น
ในขั้นต้นนี้เป็นการนำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ มาทำการสำรวจ และบันทึกภาพถ่ายทางอากาศที่มีรายละเอียดสูงเข้ามาใช้ในการสำรวจเฉพาะพื้นที่ เพื่อตรวจสอบผลการศึกษาที่ได้จากการวิเคราะห์ด้วยภาพถ่ายดาวเทียมในข้างต้น ว่ามีความสอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริงมากน้อยเพียงใด รวมทั้งลดข้อจำกัดและความเสี่ยงที่เกิดจากการสำรวจโดยมนุษย์ ภาพที่ได้นั้นเมื่อนำไประมวลผลแล้วสามารถรังวัดขนาดพื้นที่ และระยะของแนวกัดเซาะตลิ่ง โดยข้อมูลที่ได้จากระบบหุ่นยนต์อากาศยานสามารถนำไปจัดทำฐานข้อมูลทางภูมิสารสนเทศศาสตร์ เพื่อใช้ประกอบในการบริหารจัดการพื้นที่ได้ละเอียดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
- ระบบหุ่นยนต์อากาศยานขนาดเล็ก ที่ใช้ในการทำแผนที่ นั้นจะใช้ระบบหุ่นยนต์อากาศยานแบบหลายใบพัด (Multirotor) ซึ่งประกอบด้วยลำตัวอากาศยาน (Aircraft) ระบบการบินควบคุมแบบอัตโนมัติ (Autopilot System) ระบบบันทึกภาพ (Camera) ลำตัวอากาศยานแบบใช้พลังงานไฟฟ้า 4 ใบพัด (Quad-rotors) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมชุดควบคุมความเร็ว (Motor and Speed Controller) ใบพัด (Propeller) แผงวงจรส่วนกลาง (Center Board) พร้อมติดตั้งกับตัวอากาศ ชุดควบคุมระบบการสื่อสาร (Communication Unit) ได้แก่ ชุดวิทยุบังคับ (Remote Control : RC) โดยมนุษย์ ทั้งภาคส่งและภาครับ (Transmitter and Receiver) สำหรับควบคุมการบินของเครื่องบิน ตลอดจนโปรแกรมระบบควบคุมภาคพื้นดิน (Ground Control Station) ซึ่งสามารถติดตั้งบนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลต ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ IOS หรือ Android และมีความสามารถในการกำหนดจุดบินแบบอัตโนมัติ (Way points) รวมทั้งกำหนดความสูงเพดานบิน ความเร็วแนวระนาบและการสั่งบินกลับ เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 3
รูปที่ 3 ระบบหุ่นยนต์อากาศยานขนาดเล็กที่ใช้ในการทำแผนที่ รุ่น Phantom 4
- ระบบหุ่นยนต์อากาศยานขนาดเล็ก ที่ใช้ในการทำแผนที่ นั้นจะใช้ระบบหุ่นยนต์อากาศยานแบบหลายใบพัด (Multirotor) ซึ่งประกอบด้วยลำตัวอากาศยาน (Aircraft) ระบบการบินควบคุมแบบอัตโนมัติ (Autopilot System) ระบบบันทึกภาพ (Camera) ลำตัวอากาศยานแบบใช้พลังงานไฟฟ้า 4 ใบพัด (Quad-rotors) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมชุดควบคุมความเร็ว (Motor and Speed Controller) ใบพัด (Propeller) แผงวงจรส่วนกลาง (Center Board) พร้อมติดตั้งกับตัวอากาศ ชุดควบคุมระบบการสื่อสาร (Communication Unit) ได้แก่ ชุดวิทยุบังคับ (Remote Control : RC) โดยมนุษย์ ทั้งภาคส่งและภาครับ (Transmitter and Receiver) สำหรับควบคุมการบินของเครื่องบิน ตลอดจนโปรแกรมระบบควบคุมภาคพื้นดิน (Ground Control Station) ซึ่งสามารถติดตั้งบนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลต ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ IOS หรือ Android และมีความสามารถในการกำหนดจุดบินแบบอัตโนมัติ (Way points) รวมทั้งกำหนดความสูงเพดานบิน ความเร็วแนวระนาบและการสั่งบินกลับ เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 3
- ระบบบันทึกภาพถ่ายทางอากาศ ระบบบันทึกภาพทางอากาศที่ใช้เป็นช่วงคลื่นตามองเห็นแบบดิจิตอล (Visible camera: RGB) พร้อมอุปกรณ์ควบคุมเสถียรภาพ (Gimbal) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ตัวเซนเซอร์กล้องต้องสามารถตรวจวัดช่วงคลื่นตามองเห็น (RGB) และมีรายละเอียด 16 ล้านพิกเซล และระบบการปรับแก้ค่าพื้นฐานโดย และกำหนดเวลาการบันทึกภาพ (Interval capture) ได้ มีระบบบันทึกภาพนิ่งในรูปแบบการบีบอัดของไฟล์ JPEG หรือ TIFF และภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบการบีบอัดไฟล์ MPEG4 และมีระบบบันทึกค่าพิกัดภาพ (Geotag) แสดงดังรูปที่ 4
รูปที่ 4 กล้องดิจิตอล (Visible camera : RGB)
- การวางแผนการบินแบบกริด (Grid Flight Planning) รูปแบบการวางแผนแนวบินนั้นจะใช้การบินแบบกริด (Grid flight planning) เพื่อทำให้ภาพถ่ายทาอากาศนั้นมีจุดซ้อนทับของภาพ และนำมาสร้างแผนที่รายละเอียดสูงได้อย่างสมบูรณ์ ในการศึกษาครั้งจะใช้แอพพลิเคชั่น Drone Depoly เข้ามาช่วยในการวางแผนการบินแบบกริด โดยการถ่ายภาพสำรวจในแต่ละครั้งจะกำหนดความสูงในการบินที่ 300 เมตร และบินด้วยความเร็ว 15 เมตร/วินาที มีการซ้อนทับด้านหน้าของภาพ (Overlap) และซ้อนทับด้านข้าง (Sidelap) จะกำหนดการซ้อนทับเป็นเปอร์เซ็นต์ตามความเหมาะสมของงาน โดยแบ่ง Flight plan ให้ครอบคลุมพื้นที่ศึกษา แสดดังรูปที่ 5
รูปที่ 5 การวางแผนการบินแบบกริด (Gridflight Planing)
- การประมวลผลภาพถ่ายทางอากาศ นำข้อมูลภาพถ่ายจากหุ่นยนต์อากาศยาน (Still Image) ของพื้นที่มาประมวลผลเพื่อที่จะสร้างแผนที่รายละเอียดสูง จากการทำภาพออโธร์ (Orthophoto) โดยใช้โปรแกรมทาง (Computer Vision) ดิจิทัลโฟโตแกรมเมทรี (Digital Photogrametry) และการประมวลผลภาพดิจิทัล (Digital Image Processing) โดยอาศัยข้อมูลจาก Image Geotaging หรือ Geolocation เพื่อบ่งบอกถึงการมีพิกัดของภาพ โดยบันทึกพิกัดไปที่ EXIF. File ของภาพ ซึ่งทำได้โดยหุ่นยนต์อากาศยานขนาดเล็กถ่ายภาพขณะที่เปิดรับสัญญาณ GPS ไปในเวลาเดียวกัน จะทำให้ได้ภาพแผนที่รายละเอียดสูงของพื้นที่ศึกษา (Orthomosaic Mapping) แสดงดังรูปที่ 6
รูปที่ 6 ภาพแสดงตัวอย่างข้อมูลการประมวลผลภาพ
ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของพื้นที่ตลิ่งที่หายไป
จังหวัด | อำเภอ | ปี พ.ศ 2564 เทียบจากปี พ.ศ. 2563 | |
พื้นที่ตลิ่งหายไป | |||
ตร.กม. | ไร่ | ||
จ.เชียงราย | อ.เชียงของ | 0.19 | 124.96 |
อ.เชียงแสน | 0.32 | 245.15 | |
อ.เวียงแก่น | 0.06 | 37.10 | |
รวมจังหวัดเชียงราย | 0.57 | 407.21 | |
จ.เลย | อ.เชียงคาน | 0.30 | 184.89 |
อ.ปากชม | 1.39 | 872.24 | |
รวมจังหวัดเลย | 1.69 | 1057.13 | |
จ.หนองคาย | อ.ท่าบ่อ | 0.17 | 104.80 |
อ.โพนพิสัย | 0.04 | 27.21 | |
อ.เมืองหนองคาย | 0.21 | 131.64 | |
อ.รัตนวาปี | 0.02 | 14.57 | |
อ.ศรีเชียงใหม่ | 0.15 | 91.45 | |
อ.สัมคม | 0.73 | 456.51 | |
รวมจังหวัดหนองคาย | 1.32 | 826.54 | |
จ.บึงกาฬ | อ.บึงโขงหลง | 0.55 | 344.74 |
อ.บุ่งคล้า | 0.29 | 181.30 | |
อ.ปากคาด | 0.02 | 10.47 | |
อ.เมืองบึงกาฬ | 0.72 | 448.20 | |
รวมจังหวัดบึงกาฬ | 1.58 | 320.82 | |
จ.นครพนม | อ.ท่าอุเทน | 0.51 | 320.82 |
อ.ธาตุพนม | 0.12 | 76.36 | |
อ.บ้านแพง | 0.35 | 221.80 | |
อ.เมืองนครพนม | 0.37 | 229.75 | |
รวมจังวหวัดนครพนม | 1.35 | 848.73 | |
จ.มุกดาหาร | อ.ดอนตาล | 0.03 | 16.74 |
อ.เมืองมุกดาหาร | 0.04 | 23.89 | |
อ.ว่านใหญ่ | 0.12 | 72.63 | |
รวมจังหวัดมุกดาหาร | 0.19 | 113.26 | |
จ.อำนาจเจริญ | อ.ชานุมาน | 0.001 | 1.02 |
รวมจังหวัดอำนาเจริญ | 0.001 | 1.02 | |
จ.อุบลราชธานี | อ.เขมราฐ | 0.001 | 4.31 |
อ.โขงเจียม | 0.03 | 22.11 | |
อ.นาตาล | 0.005 | 3.37 | |
อ.โพธิ์ไทร | 0.005 | 3.64 | |
อ.ศรีเมืองใหม่ | 0.002 | 0.12 | |
รวมจังหวัดอุบลราชธานี | 0.04 | 33.55 | |
รวมทั้งหมด | 6.74 | 5,256.86 |