เกษตรริมฝั่ง ปี 2564

ด้านเศรษฐกิจ สังคม >> ด้านเกษตรริมฝั่ง >> ปี 2564

          คณะนักวิจัยได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลระดับครัวเรือนและระดับหมู่บ้านโดยการสัมภาษณ์ผู้นำหมู่บ้าน และแบบสอบถามหัวหน้าครัวเรือน ซึ่งสามารถสรุปผลการสำรวจเกี่ยวกับการเกษตรในพื้นที่ได้ดังนี้

1. การสุ่มตัวอย่าง

          การศึกษากลุ่มอาชีพเกษตรริมฝั่ง และประชากรที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขงใช้ข้อมูลจากแบบสอบถามผู้นำหมู่บ้านและแบบสอบถามผู้นำครัวเรือน โดยกำหนดประชากร คือ ครัวเรือนที่ทำอาชีพที่พึ่งพาแม่น้ำโขงเป็นหลัก ได้แก่ การเกษตรกรรม ประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งอาศัยอยู่ในอำเภอที่มีระยะห่างจากแม่น้ำโขงไม่เกิน 15 ก.ม. กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 427 ชุด มีการสุ่มตัวอย่างแบบสามขั้น (Three-stage sampling) ขั้นที่ 1 สุ่มตัวอย่างแบบโควตา (Quota Sampling) ตามสัดส่วนของประชากรในพื้นที่ ขั้นที่ 2 สุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) กำหนดให้เก็บข้อมูลกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม จำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ และอาชีพประมงหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ ขั้นที่ 3 สุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Random Sampling)

2. ผลการศึกษาขั้อมูลทั่วไป

          – ครัวเรือนส่วนใหญ่มีรายได้หลักจากการเกษตรกรรม โดยมีจำนวน 301 ครัวเรือน (ร้อยละ 64) พบมากที่ จ.มุกดาหาร (50 ครัวเรือน) และ จ.อุบลราชธานี (50 ครัวเรือน) พืชที่ครัวเรือนเพาะปลูกมากที่สุดคือข้าว 227 ครัวเรือน (ร้อยละ 75) ตามด้วยพริก 132 ครัวเรือน (ร้อยละ 44) และข้าวโพด 108 ครัวเรือน (ร้อยละ 36)

          – กรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการเกษตรส่วนใหญ่เป็นของตนเองหรือครอบครัว จำนวน 252 ครัวเรือน (ร้อยละ 86) พื้นที่การเกษตรมีขนาดพื้นที่เฉลี่ย 10 ไร่ โดยค่าเฉลี่ยสูงสุดที่ จ.เลย (20 ไร่) และค่าเฉลี่ยต่ำสุดที่  จ.นครพนม (6 ไร่) ครัวเรือนมีรายได้จากการเกษตรกรรมเฉลี่ย 65,911 บาทต่อปี เฉลี่ยสูงสุดที่ จ.บึงกาฬ (139,216 บาท) และเฉลี่ยต่ำสุดที่ จ.เชียงราย (20,121 บาท)

          – น้ำฝนเป็นแหล่งน้ำหลักที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรม จำนวน 147 ครัวเรือน (ร้อยละ 49) ครัวเรือนสูบน้ำจากแม่น้ำโขงโดยตรง จำนวน 77 ครัวเรือน (ร้อยละ 26) โดยพบมากที่ จ.นครพนม (28 ครัวเรือน)

3. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง

          – ผลกระทบจากแม่น้ำโขงขาดน้ำที่มีต่อครอบครัวในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ จำนวน 167 ครัวเรือน (ร้อยละ 56) ผลกระทบมากโดยพืชผลเสียหายเกือบทั้งหมดจำนวน 13 ครัวเรือน (ร้อยละ 4) พบมากที่ จ.อุบลราชธานี  (11 ครัวเรือน)

          – ผลกระทบจากแม่น้ำโขงเกิดน้ำท่วมฉับพลันที่มีต่อครอบครัวในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ จำนวน 171 ครัวเรือน (ร้อยละ 57) และผลกระทบมากโดยพืชผลเสียหายเกือบทั้งหมด จำนวน 16 ครัวเรือน (ร้อยละ 5) พบมากที่ จ.อุบลราชธานี (10 ครัวเรือน)

– ผลกระทบจากแม่น้ำโขงเกิดตลิ่งพังที่มีต่อครอบครัวในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ จำนวน 206 ครัวเรือน (ร้อยละ 69) และผลกระทบมากโดยพืชผลเสียหายเกือบทั้งหมด จำนวน 9 ครัวเรือน (ร้อยละ 3) พบมากที่ จ.อุบลราชธานี (8 ครัวเรือน)

          – การเปลี่ยนแปลงของการทำเกษตรกรรมในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ครัวเรือนส่วนใหญ่เห็นว่าปริมาณการผลิตเท่าเดิม จำนวน 125 ครัวเรือน (ร้อยละ 43) การเจริญเติบโตของพืชเท่าเดิม จำนวน 135 ครัวเรือน (ร้อยละ 47) รายได้จากการขายผลผลิตลดลง จำนวน 155 ครัวเรือน (ร้อยละ 54) โดยพบมากที่   จ.อุบลราชธานี (34 ครัวเรือน) จำนวนเกษตรกรเท่าเดิม จำนวน 215 ครัวเรือน (ร้อยละ 75) ขนาดพื้นที่ ทำการเกษตรเท่าเดิม จำนวน 243 ครัวเรือน (ร้อยละ 86) การใช้ปุ๋ยชีวภาพเท่าเดิม จำนวน 176 ครัวเรือน   (ร้อยละ 61) และการใช้ปุ๋ยสารเคมี สารกำจัดศัตรูพืชลดลง จำนวน 139 ครัวเรือน (ร้อยละ 48)

4. การปรับตัวด้านการเกษตรกรรม

          ครัวเรือนมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับปัญหาด้านการเกษตรกรรมส่วนใหญ่โดยลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร จำนวน 181 ครัวเรือน (ร้อยละ 67) พบมากที่จ.มุกดาหาร (32 ครัวเรือน) และ จ.บึงกาฬ (32 ครัวเรือน)

5. การศึกษากลุ่มอาชีพเกษตรริมฝั่ง

          ขอบเขตในการศึกษากลุ่มอาชีพเกษตรริมฝั่ง คือ 1) ครัวเรือนที่มีรายได้จากการเกษตรกรรม 2) ที่ดินเพื่อการเกษตรมีระยะห่างจากแม่น้ำโขงหรือลำน้ำสาขาไม่เกิน 150 เมตร เนื่องจากครัวเรือนที่มีที่ดินเพื่อการเกษตรในระยะนี้ส่วนใหญ่พึ่งพาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรจากการสูบน้ำจากแม่น้ำโขงโดยตรง 3) แหล่งน้ำหลักเพื่อการเกษตรกรรมสูบน้ำจากแม่น้ำโขงโดยตรง

                  1) ลักษณะทั่วไป พบว่า ครัวเรือนที่ทำอาชีพเกษตรริมฝั่ง จำนวน 28 ครัวเรือน โดยพบมากที่  จ.นครพนม (8 ครัวเรือน) พืชที่ปลูกส่วนใหญ่ คือ พริก (20 ครัวเรือน) ข้าวโพด (18 ครัวเรือน) และข้าว (18 ครัวเรือน)  ครัวเรือนมีกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการเกษตรริมฝั่งส่วนใหญ่เป็นของตนเองหรือครอบครัวจำนวน 20 ครัวเรือน พื้นที่เช่าจากผู้อื่น จำนวน 4 ครัวเรือน และได้รับการจัดสรรจากผู้นำชุมชนจำนวน 3 ครัวเรือน ขนาดที่ดินเพื่อการเกษตรริมฝั่งเฉลี่ย 4.4 ไร่ สูงสุดที่ จ.หนองคาย (7.4 ไร่) และต่ำสุดที่ จ.อำนาจเจริญ (1.8 ไร่) รายได้จากการเกษตรริมฝั่งเฉลี่ย 46,271 บาท/ปี สูงสุดที่ จ.หนองคาย (175,750 บาท/ปี) ต่ำสุดที่ จ.เชียงราย (12,000 บาท/ปี)

                  2) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง พบว่า ผลกทระทบจากแม่น้ำโขงขาดน้ำที่มีต่อการเกษตรริมฝั่งส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับปานกลาง โดยพืชผลเสียหายมากกว่าครึ่ง จำนวน 11 ครัวเรือน และได้รับผลกระทบมากโดยพืชผลเสียหายเกือบทั้งหมด จำนวน 3 ครัวเรือน ที่ จ.อุบลราชธานี (3 ครัวเรือน)

                           – ผลกทระทบจากแม่น้ำโขงเกิดน้ำท่วมฉับพลันที่มีต่อการเกษตรริมฝั่งส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับปานกลาง โดยพืชผลเสียหายมากกว่าครึ่ง จำนวน 10 ครัวเรือน และได้รับผลกระทบมากโดยพืชผลเสียหายเกือบทั้งหมด จำนวน 4 ครัวเรือน พบมากที่ จ.อุบลราชธานี (3 ครัวเรือน)

                           – ผลกทระทบจากแม่น้ำโขงเกิดตลิ่งพังที่มีต่อการเกษตรริมฝั่งส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับปานกลางโดยพืชผลเสียหาย มากกว่าครึ่ง จำนวน 10 ครัวเรือน และได้รับผลกระทบมากโดยพืชผลเสียหายเกือบทั้งหมด จำนวน  3 ครัวเรือน พบมากที่ จ.อุบลราชธานี (3 ครัวเรือน)