ด้านกายภาพ
ผลระดับน้ำและอัตราการไหล ปี 2564
1. ขอบเขตพื้นที่ศึกษา
สถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานของประเทศไทย จำนวน 6 สถานี ได้แก่ สถานีเชียงแสน สถานีเชียงคาน สถานีหนองคาย สถานีนครพนม สถานีมุกดาหาร และสถานีโขงเจียม และสถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานของ สปป.ลาว จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานี Luang Prabang และสถานี Paksane
รวมทั้ง สถานีน้ำท่าบนแม่น้ำที่อาจได้รับอิทธิพลจากปริมาณการไหลและระดับน้ำของแม่น้ำโขงสายประธาน ประกอบด้วย สถานีน้ำท่าของกรมชลประทาน จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีห้วยชะโนดที่บ้านดอนสวรรค์ และสถานีบ้านวังเลา และสถานีน้ำท่าของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 4 สถานี ได้แก่ สถานีน้ำสงครามที่บ้านท่ากกแดง สถานีน้ำก่ำที่นาแก สถานีห้วยบางทรายที่สะพานบ้านหนองแอก และสถานีน้ำมูลที่ปากมูล (บ้านปากมูล) แสดงดังรูปที่ 1
รูปที่ 1 สถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานและแม่น้ำสาขา ที่นำข้อมูลมาใช้ในการศึกษาในปี พ.ศ. 2564
2. วิธีการศึกษา
กลุ่มที่ปรึกษามีขั้นตอนการดำเนินงาน โดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ต่อไปนี้
1) ทบทวนและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณการไหลและระดับน้ำจากรายงานการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาด้านปริมาณการไหลของน้ำและระดับน้ำที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เช่น รายงาน Weekly wet season situation report in the Lower Mekong River Basin รายงาน Situation report on Hydrological Conditions in the Lower Mekong River Basin: November 2020-May 2021 รายงาน Situation report on Hydrological Conditions in the Lower Mekong River Basin: January-July 2020 เป็นต้น
2) รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ประกอบด้วย :
- กรมทรัพยากรน้ำ : โดยประสานขอความอนุเคราะห์ข้อมูลปริมาณการไหลและระดับน้ำของสถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานของประเทศไทย จำนวน 6 สถานี ได้แก่ สถานีเชียงแสน สถานีเชียงคาน สถานีหนองคาย สถานีนครพนม สถานีมุกดาหาร และสถานีโขงเจียม (ปีล่าสุดที่มีข้อมูลต่อเนื่องจากโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา) และจากสถานีในแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงในอาณาเขตประเทศไทยเพิ่มเติมจำนวน 4 สถานี ได้แก่ สถานีน้ำสงครามที่บ้านท่ากกแดง สถานีน้ำก่ำที่นาแก สถานีห้วยบางทรายที่สะพานบ้านหนองแอก และสถานีน้ำมูลที่ปากมูล (บ้านปากมูล)
- กรมชลประทาน : โดยประสานขอความอนุเคราะห์ข้อมูลปริมาณการไหลและระดับน้ำจากสถานีน้ำท่าจากสถานีน้ำท่าบนแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยที่อาจได้รับอิทธิพลจากปริมาณการไหลและระดับน้ำของแม่น้ำโขงสายประธาน จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีห้วยชะโนดที่บ้านดอนสวรรค์ และสถานีบ้านวังเลา
- สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง : โดยการจัดซื้อข้อมูลจากสถานีน้ำท่าและสถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานของ สปป.ลาว จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานี Luang Prabang และสถานี Paksane
3) คำนวณหาค่าเฉลี่ยรายปี ค่าเฉลี่ยในฤดูแล้ง ค่าเฉลี่ยในฤดูน้ำหลาก และช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการไหลของน้ำจากฤดูแล้งไปเป็นฤดูน้ำหลาก และจากฤดูน้ำหลากไปเป็นฤดูแล้ง (Transition season) ตามลักษณะการเปลี่ยนแปลงการไหลของแม่น้ำโขงตามฤดูกาล และหาค่าต่ำสุด ค่าสูงสุดของปริมาณการไหลและระดับน้ำรายเดือนของแต่ละช่วงเวลา แสดงดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดตามธรรมชาติของอุทกวิทยาของแม่น้ำโขงตามฤดูกาล
ฤดูกาล | ช่วงเริ่มต้น (ตามธรรมชาติ) | ช่วงสิ้นสุด (ตามธรรมชาติ) |
ฤดูแล้ง | ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม | เดือนพฤษภาคม สำหรับลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง |
ช่วงเปลี่ยนแปลงฤดูกาล 1 | ประมาณ 2-3 สัปดาห์ระหว่างเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน | |
ฤดูน้ำหลาก | เดือนมิถุนายน | ต้นเดือนพฤศจิกายนในพื้นที่ที่อยู่ตอนบน |
ช่วงเปลี่ยนแปลงฤดูกาล 2 | ประมาณ 1-2 สัปดาห์ระหว่างกลางเดือนพฤศจิกายน |
ที่มา : ตารางระยะเวลาอ้างอิงจากตารางที่ 5 Characteristics of bio-hydrological seasons ในรายงาน The Flow of Mekong, 2009
4) เปรียบเทียบและปรับปรุงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงปริมาณการไหล และระดับน้ำเฉลี่ย โดยแบ่งช่วงเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็นช่วงเวลา เพื่อใช้เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่ศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของเขื่อนไฟฟ้าในแม่น้ำโขงสายประธาน โดย ณ สถานีเชียงแสน แบ่งช่วงเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่
- ช่วงปีก่อนที่จะมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธาน ช่วงปี พ.ศ. 2528–2534
- ช่วงปีหลังมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนบน ช่วงปี พ.ศ. 2535-ปัจจุบัน หรือข้อมูลปีปัจจุบันล่าสุดที่มี ตัวอย่างดังรูปที่ 2
สถานี Luang Prabang แบ่งช่วงเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่
- ช่วงปีก่อนที่จะมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธาน ช่วงปี พ.ศ. 2528–2534
- ช่วงปีหลังมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนบน ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561 ตัวอย่างดังรูปที่ 2 เนื่องจากข้อมูลหลังปี พ.ศ. 2561 เป็นข้อมูลที่มีความผิดพลาด ซึ่งได้รับผลกระทบของน้ำเท้อจากเขื่อนไซยะบุรี โดยข้อมูลจะสามารถนำมาใช้ในการศึกษาได้อีกครั้ง เมื่อมีการติดตั้งสถานีอุทกวิทยาเพื่อปรับแก้ค่าปริมาณการไหลและระดับน้ำ
สำหรับ ณ ตำแหน่งพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่สถานีเชียงคาน จนถึงสถานีน้ำมูลที่ปากมูล (บ้านปากมูล)ซึ่งเป็นสถานีทั้งในแม่น้ำโขงสายประธานและในแม่น้ำสาขาแบ่งช่วงเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่
- ช่วงปีก่อนที่จะมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธาน ช่วงปี พ.ศ. 2528–2534
- ช่วงปีหลังมีการพัฒนาเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนบน แต่ก่อนที่เขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนล่าง เขื่อนแรกของ สปป.ลาว (เขื่อนไซยะบุรี) เปิดดำเนินการ ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561
- ช่วงปีหลังจากที่เขื่อนบนแม่น้ำโขงสายประธานตอนล่าง เขื่อนแรกของ สปป.ลาว (เขื่อนไซยะบุรี) เปิดดำเนินการ พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน หรือข้อมูลปีปัจจุบันล่าสุดที่มี ตัวอย่างดังรูปที่ 2
รูปที่ 2 ปริมาณการไหลเฉลี่ยรายวันของแม่น้ำโขง เปรียบเทียบช่วงปีก่อนมีเขื่อน (1985-1991) และหลังมีเขื่อน (2014-2015) ในแม่น้ำโขงสายประธาน ณ สถานีอุทกวิทยาเชียงแสน
ที่มา : รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนจากการพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน (2561)
5) ประเมินและติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพื้นที่มีแนวโน้มได้รับความเสี่ยงด้านปริมาณการไหลและระดับน้ำ ว่ามีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์การกำหนดพื้นที่ที่มีแนวโน้มได้รับความเสี่ยงที่กำหนดไว้ ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างช่วงเวลาของการดำเนินงานของเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 เกณฑ์การประเมินพื้นที่มีแนวโน้มได้รับความเสี่ยงด้านปริมาณการไหลและระดับน้ำเปรียบเทียบในช่วงเวลาการดำเนินงานของเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน
ระดับแนวโน้ม | ระดับการเปลี่ยนแปลง |
ระดับแนวโน้มเสี่ยงน้อยมาก | 0-20% |
ระดับแนวโน้มเสี่ยงน้อย | 21-40% |
ระดับแนวโน้มเสี่ยงปานกลาง | 41-60% |
ระดับแนวโน้มเสี่ยงสูง | 61-80% |
ระดับแนวโน้มเสี่ยงสูงมาก | มากกว่า 80% |
2. การทบทวนข้อมูลการศึกษาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.1 ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงปริมาณการไหลและระดับน้ำ
ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจะพิจารณาตามช่วงของแม่น้ำโขงสายประธานที่ไหลผ่านประเทศไทย โดยแบ่งตามลักษณะการไหลของน้ำในแม่น้ำโขงที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วง อัตราการไหลเฉลี่ย 7 วัน (7-days moving-averaged data series) ซึ่งเป็นการปรับปรุงการประเมินข้อมูลอนุกรมเวลาให้สามารถประเมินและติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรายวัน ของสถานีเชียงแสน สถานี Luang Prabang สถานีเชียงคาน สถานีหนองคาย สถานี Paksane สถานีนครพนม สถานีมุกดาหาร และสถานีโขงเจียม ซึ่งพบว่าช่วงระยะบนแม่น้ำโขงที่มีลักษณะอัตราการไหลแตกต่างกันสามารถแบ่งได้ 5 ช่วง ตามระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำ
ตารางแสดงปริมาณการไหลของ 8 สถานี ในปี พ.ศ. 2564 (แม่น้ำโขงสายประธาน)
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2528-2534) |
ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561 |
พ.ศ. 2562 |
พ.ศ. 2563 |
|||
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล1/ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
1.3±0.9 |
1.1±0.1 |
2.1±0.9 |
1.1±0.1 |
1.0±0.04 |
2.2±1.6 |
Min |
0.4 |
0.9 |
1.1 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
|
Max |
3.7 |
1.3 |
5.0 |
1.3 |
1.1 |
5.4 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
6.7±5.2 |
1.4±0.2 |
9.2±4.8 |
1.3±0.2 |
1.1±0.1 |
3.5±1.3 |
Min |
0.9 |
1.0 |
1.7 |
1.1 |
0.9 |
1.1 |
|
Max |
28.9 |
1.8 |
22.9 |
1.6 |
1.5 |
6.0 |
|
ฤดูน้ำหลาก
|
เฉลี่ย |
63.9±64.4 |
2.4±0.9 |
68.3±44.5 |
2.9±0.9 |
1.8±1.3 |
4.4±1.1 |
Min |
6.5 |
1.4 |
7.7 |
1.5 |
1.0 |
2.3 |
|
Max |
230.4 |
4.4 |
145.0 |
4.2 |
6.6 |
7.1 |
|
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
4.9±0.8 |
1.4±0.04 |
7.0±1.3 |
1.4±0.1 |
1.1±0.03 |
3.7±1.0 |
Min |
3.7 |
1.3 |
5.1 |
1.3 |
1.1 |
2.2 |
|
Max |
6.4 |
1.4 |
9.2 |
1.5 |
1.2 |
5.5 |
2/ ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561
ตารางแสดงระดับน้ำของ 8 สถานี ในปี พ.ศ. 2564 (แม่น้ำโขงสายประธาน)
ปี พ.ศ. 2564 |
เชียงแสน (ม.)1/ |
Luang Prabang (ม.)2/ |
เชียงคาน (ม.) |
หนองคาย (ม.) |
Paksane (ม.) |
นครพนม (ม.) |
มุกดาหาร (ม.) |
โขงเจียม (ม.) |
|
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
2.3±0.3 |
4.5+0.9 |
4.4±0.7 |
1.6±0.5 |
2.1±0.9 |
1.5±0.5 |
1.9±0.3 |
2.3±0.3 |
Min |
1.9 |
3.7 |
3.5 |
0.9 |
1.1 |
0.8 |
1.5 |
1.9 |
|
Max |
3.1 |
6.8 |
5.9 |
2.9 |
3.9 |
2.6 |
2.8 |
3.2 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
3.0±0.4 |
5.5+0.8 |
4.4±0.8 |
3.7±0.9 |
4.7±1.0 |
3.4±1.1 |
3.5±1.0 |
3.9±1.1 |
Min |
2.3 |
4.1 |
3.5 |
2.7 |
3.7 |
2.4 |
2.6 |
3.0 |
|
Max |
3.8 |
7.2 |
6.3 |
6.6 |
7.5 |
6.3 |
6.0 |
6.5 |
|
ฤดูน้ำหลาก |
เฉลี่ย |
5.0±0.7 |
10.6+1.6 |
7.6±1.1 |
4.7±1.2 |
5.8±1.2 |
5.1±1.2 |
5.2±1.1 |
6.7±1.3 |
Min |
3.9 |
7.4 |
5.6 |
2.7 |
4.0 |
3.0 |
3.2 |
4.4 |
|
Max |
6.0 |
13.1 |
10.5 |
7.6 |
8.3 |
7.9 |
8.0 |
9.6 |
|
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
3.5±0.3 |
7.6+0.5 |
ยังไม่ถึงระยะเวลา |
ยังไม่ถึงระยะเวลา |
ยังไม่ถึงระยะเวลา |
ยังไม่ถึงระยะเวลา |
ยังไม่ถึงระยะเวลา |
ยังไม่ถึงระยะเวลา |
หมายเหตุ: 1/ ช่วงปี พ.ศ. 2535-2564
2/ ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561
ตารางแสดงปริมาณการไหลและระดับน้ำของแม่น้ำสาขาในเขตประเทศไทย
สถานีบ้านวังเลา
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2540-2561) |
พ.ศ. 2562 |
พ.ศ. 2563 |
พ.ศ. 2564 |
||
ปริมาณการไหล1/ |
ระดับน้ำ2/ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ3/ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
1.6±0.6 |
0.7±0.2 |
0.2±0.1 |
0.1±0.03 |
0.1±0.1 |
Min |
0.9 |
0.5 |
0.1 |
0.0 |
0.1 |
|
Max |
4.0 |
1.1 |
0.3 |
0.2 |
0.3 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
16.6±7.5 |
1.7±0.4 |
0.5±0.4 |
0.8±0.8 |
ยังไม่มีข้อมูล |
Min |
2.6 |
0.8 |
0.1 |
0.1 |
||
Max |
29.6 |
2.2 |
1.6 |
3.0 |
||
ฤดูน้ำ |
เฉลี่ย |
28.1±14.9 |
3.0±0.9 |
1.1±0.8 |
1.1±0.9 |
|
หลาก |
Min |
7.5 |
1.6 |
0.2 |
0.2 |
|
Max |
58.3 |
4.7 |
2.4 |
4.0 |
||
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
5.4±1.6 |
1.3±0.1 |
0.2±0.04 |
0.2±0.05 |
|
Min |
4.0 |
1.2 |
0.1 |
0.1 |
||
Max |
8.5 |
1.5 |
0.2 |
0.2 |
หมายเหตุ: 1/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2540-31 มีนาคม 2550
2/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2540-31 ธันวาคม 2561
3/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-31 มีนาคม 2564
ที่มา กรมชลประทาน, 2564
สถานีน้ำสงครามที่บ้านท่ากกแดง
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2528-2534 |
ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561 |
พ.ศ. 2562 |
พ.ศ. 2563 |
|||
ปริมาณการไหล1/ |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ2/ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
7.1±3.4 |
1.5±0.3 |
2.8±2.3 |
1.5±0.2 |
1.6±0.2 |
1.6±0.04 |
Min |
5.4 |
1.3 |
1.2 |
1.3 |
1.3 |
1.5 |
|
Max |
19.0 |
2.5 |
14.6 |
2.3 |
2.7 |
1.7 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
96.9±82.0 |
4.3±2.5 |
95.9±83.3 |
4.3±2.2 |
3.7±2.4 |
2.7±1.4 |
Min |
5.5 |
1.3 |
3.1 |
1.5 |
1.3 |
1.5 |
|
Max |
210.4 |
7.7 |
251.7 |
8.1 |
8.8 |
5.4 |
|
ฤดูน้ำหลาก |
เฉลี่ย |
260.5±97.1 |
8.7±2.0 |
400.2±142.1 |
10.1±2.2 |
6.2±3.9 |
7.1±3.3 |
Min |
76.3 |
4.6 |
49.5 |
3.8 |
1.7 |
2.9 |
|
Max |
402.9 |
11.5 |
552.8 |
12.2 |
12.4 |
12.5 |
|
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
36.4±13.0 |
3.3±0.5 |
30.8±9.6 |
3.1±0.4 |
1.6±0.1 |
ยังไม่มีข้อมูล |
Min |
20.3 |
2.5 |
15.7 |
2.4 |
1.5 |
||
Max |
66.9 |
4.3 |
46.8 |
3.7 |
1.9 |
หมายเหตุ: 1/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างปี พ.ศ. 2529-2534
2/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 สิงหาคม 2563
ที่มา กรมทรัพยากรน้ำ, 2564
สถานีน้ำก่ำที่นาแก
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2528-2534) |
ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561) |
พ.ศ. 2562 |
พ.ศ. 2563 |
|||
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ1/ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
1.89±3.78 |
1.1±0.2 |
25.63±4.13 |
3.4±0.1 |
4.9±0.4 |
4.7±0.4 |
Min |
0.33 |
0.9 |
16.92 |
3.2 |
4.0 |
3.7 |
|
Max |
16.45 |
1.8 |
34.94 |
3.8 |
5.4 |
5.3 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
14.41±15.38 |
1.6±0.6 |
37.90±17.44 |
3.6±0.2 |
4.4±0.2 |
3.4±1.2 |
Min |
0.48 |
0.9 |
18.75 |
3.3 |
4.0 |
2.0 |
|
Max |
51.24 |
2.9 |
72.93 |
3.9 |
4.8 |
5.0 |
|
ฤดูน้ำหลาก |
เฉลี่ย |
80.29±38.26 |
3.6±0.9 |
92.18±29.21 |
4.3±0.3 |
5.2±0.5 |
4.8±0.3 |
Min |
25.37 |
2.2 |
29.21 |
3.7 |
4.2 |
3.6 |
|
Max |
190.01 |
5.0 |
139.16 |
4.9 |
6.4 |
5.3 |
|
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
18.25±3.89 |
1.9±0.1 |
38.42±3.62 |
3.7±0.04 |
5.2±0.1 |
4.8±0.1 |
Min |
14.18 |
1.7 |
32.44 |
3.7 |
5.0 |
4.6 |
|
Max |
24.77 |
2.1 |
43.90 |
3.8 |
5.3 |
5.0 |
หมายเหตุ: 1/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างปี พ.ศ. 2535-2542 พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2561
ที่มา กรมทรัพยากรน้ำ, 2564
สถานีห้วยชะโนดที่บ้านดอนสวรรค์
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2539-2561 |
พ.ศ. 2562 |
พ.ศ. 2563 |
พ.ศ. 2564 |
||||
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล1/ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ2/ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
0.4±0.1 |
1.1±0.1 |
0.5±0.2 |
1.4±0.2 |
0.2±0.2 |
1.1±0.1 |
1.0±0.01 |
Min |
0.2 |
0.9 |
0.1 |
1.1 |
0.0 |
0.9 |
1.0 |
|
Max |
0.6 |
1.2 |
1.6 |
1.7 |
0.5 |
1.5 |
1.0 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
1.3±0.7 |
1.3±0.2 |
1.7±1.3 |
1.7±0.2 |
ยังไม่มีข้อมูล |
1.1±0.2 |
ยังไม่มีข้อมูล |
Min |
0.2 |
0.9 |
0.3 |
1.5 |
0.8 |
|||
Max |
3.2 |
1.7 |
8.5 |
2.3 |
1.4 |
|||
ฤดูน้ำหลาก |
เฉลี่ย |
6.0±2.9 |
2.2±0.4 |
10.5±12.6 |
2.2±0.4 |
1.6±0.5 |
||
Min |
1.1 |
1.4 |
0.9 |
1.6 |
1.1 |
|||
Max |
15.1 |
3.0 |
70.2 |
3.6 |
3.1 |
|||
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
1.0±0.3 |
1.3±0.1 |
0.8±0.1 |
1.5±0.3 |
1.5±0.3 |
||
Min |
0.6 |
1.2 |
0.5 |
1.2 |
1.2 |
|||
Max |
1.6 |
1.4 |
1.0 |
2.2 |
2.2 |
หมายเหตุ: 1/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2563
2/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2564
ที่มา กรมชลประทาน, 2564
สถานีห้วยบางทรายที่สะพานบ้านหนองแอก
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2528-2534) |
ช่วงปี พ.ศ. 2535-2561 |
พ.ศ. 2562 |
พ.ศ. 2563 |
|||
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล1/ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
ระดับน้ำ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
1.3±0.9 |
1.1±0.1 |
2.1±0.9 |
1.1±0.1 |
1.0±0.04 |
2.2±1.6 |
Min |
0.4 |
0.9 |
1.1 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
|
Max |
3.7 |
1.3 |
5.0 |
1.3 |
1.1 |
5.4 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
6.7±5.2 |
1.4±0.2 |
9.2±4.8 |
1.3±0.2 |
1.1±0.1 |
3.5±1.3 |
Min |
0.9 |
1.0 |
1.7 |
1.1 |
0.9 |
1.1 |
|
Max |
28.9 |
1.8 |
22.9 |
1.6 |
1.5 |
6.0 |
|
ฤดูน้ำหลาก |
เฉลี่ย |
63.9±64.4 |
2.4±0.9 |
68.3±44.5 |
2.9±0.9 |
1.8±1.3 |
4.4±1.1 |
Min |
6.5 |
1.4 |
7.7 |
1.5 |
1.0 |
2.3 |
|
Max |
230.4 |
4.4 |
145.0 |
4.2 |
6.6 |
7.1 |
|
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
4.9±0.8 |
1.4±0.04 |
7.0±1.3 |
1.4±0.1 |
1.1±0.03 |
3.7±1.0 |
Min |
3.7 |
1.3 |
5.1 |
1.3 |
1.1 |
2.2 |
|
Max |
6.4 |
1.4 |
9.2 |
1.5 |
1.2 |
5.5 |
หมายเหตุ: 1/ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณเป็นข้อมูลระหว่างปี พ.ศ. 2535-2539 พ.ศ. 2541-2542 พ.ศ. 2546-2549 พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2553-2556 และ พ.ศ. 2561
ที่มา กรมทรัพยากรน้ำ, 2564
สถานีน้ำมูลที่ปากมูล (บ้านปากมูล)
ฤดูกาล |
ช่วงปี พ.ศ. 2528-2534 |
ช่วงปี พ.ศ. 2535-2560 |
|||
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
ปริมาณการไหล |
ระดับน้ำ |
||
ฤดูแล้ง |
เฉลี่ย |
156±152 |
2.0±0.8 |
151±107 |
2.4±0.6 |
Min |
66 |
1.3 |
81 |
1.9 |
|
Max |
600 |
4.1 |
509 |
4.4 |
|
ช่วง T1 |
เฉลี่ย |
400±302 |
3.5±1.7 |
284±177 |
3.6±1.2 |
Min |
79 |
1.4 |
94 |
2.0 |
|
Max |
937 |
6.4 |
764 |
6.0 |
|
ฤดูน้ำหลาก |
เฉลี่ย |
1,604±535 |
8.7±1.7 |
1,657±520 |
9.3±1.8 |
Min |
676 |
6.1 |
674 |
5.7 |
|
Max |
2,490 |
11.5 |
2,379 |
11.3 |
|
ช่วง T2 |
เฉลี่ย |
836±169 |
4.9±0.6 |
635±54 |
5.2±0.4 |
Min |
625 |
4.2 |
521 |
4.5 |
|
Max |
1,170 |
5.9 |
723 |
5.6 |
ที่มา กรมทรัพยากรน้ำ, 2564
จากผลการศึกษาด้านปริมาณการไหลและระดับน้ำของแม่น้ำโขง สามารถสรุปได้ดังนี้
1) สภาพการไหลของแม่น้ำโขงสามารถแบ่งออกเป็น 5 ช่วง ได้แก่ (1) ช่วงสถานีเชียงแสนถึงเขตพื้นที่ก่อนที่แม่น้ำโขงจะไหลเข้าสู่ สปป.ลาว (2) ช่วงเขตพื้นที่ของแม่น้ำโขงจากพรมแดนของประเทศไทยเข้าสู่ สปป.ลาว ก่อนเขื่อนไซยะบุรี (3) ช่วงตั้งแต่สถานี Luang Prabang ลงมาถึงสถานีเชียงคาน จนถึงสถานีหนองคาย (4) ช่วงตั้งแต่สถานี Paksane ลงมาถึงสถานีนครพนม จนถึงสถานีมุกดาหาร และ(5) ช่วงตั้งแต่สถานีมุกดาหาร จนถึงสถานีโขงเจียม รวมทั้งสถานีน้ำมูลที่ปากมูล (บ้านปากมูล)
2) ช่วงสถานีเชียงแสนถึงเขตพื้นที่ก่อนที่แม่น้ำโขงจะไหลเข้าสู่ สปป.ลาว ปริมาณการไหลและระดับน้ำมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยสภาพการไหลที่ไม่เป็นไปตามลักษณะการไหลโดยธรรมชาติของแม่น้ำโขงในบริเวณสถานีเชียงแสนมีสาเหตุหลักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและสภาพการไหลของน้ำโขงตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่ก็มีความผันผวนค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีระยะทางที่ห่างจากเขื่อน Lancang cascade ของประเทศจีน ประมาณ 330 กิโลเมตร
3) ช่วงเขตพื้นที่ของแม่น้ำโขงจากพรมแดนของประเทศไทยเข้าสู่ สปป.ลาว ก่อนเขื่อนไซยะบุรี ปริมาณการไหลและระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นทั้ง 2 ฤดูกาลได้รับอิทธิพลมาจากปริมาณน้ำฝนจากพื้นที่รับน้ำระหว่างสถานีเชียงแสน ถึงสถานี Luang Prabang ทางฝั่ง สปป.ลาว และปริมาณน้ำจากแม่น้ำสาขา รวมทั้งอิทธิพลจากการบริหารจัดการเขื่อนในแม่น้ำสาขา
4) ช่วงตั้งแต่สถานี Luang Prabang ลงมาถึงสถานีเชียงคาน จนถึงสถานีหนองคาย และช่วงตั้งแต่สถานี Paksane ลงมาถึงสถานีนครพนม จนถึงสถานีมุกดาหาร และช่วงตั้งแต่สถานีมุกดาหาร จนถึงสถานีโขงเจียม ปริมาณการไหลและระดับน้ำมีการเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยสภาพที่พบนี้คาดการณ์ว่าเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน ก็เป็นได้ ประกอบด้วยการดำเนินการของเขื่อนแรกในแม่น้ำโขงสายประธานใน สปป.ลาว หรือการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนในแม่น้ำสาขา หรือการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำจากแม่น้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปว่ามาจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเป็นหลักดังกล่าว นอกจากนี้ มีข้อมูลสนับสนุนจากรายงาน Situation report on Hydrological Conditions in the Lower Mekong River Basin: November 2020-May 2021 ซึ่งได้รายงานว่าในช่วงฤดูแล้งปี พ.ศ 2563-2564 ระดับน้ำในแม่น้ำโขงของทุกสถานีวัดระดับน้ำสูงกว่าระดับน้ำเฉลี่ย โดยทั้ง 2 ช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำสาขา และการดำเนินงานของเขื่อนในแม่น้ำสาขา ในส่วนของระดับน้ำที่ผันผวนในช่วงระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำโดยความผันผวนของระดับน้ำที่เกิดขึ้นทำให้เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการดำเนินงานของเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำบริเวณต้นน้ำที่กักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนและปล่อยในฤดูแล้งเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีระดับที่ผันผวนมากในเดือนธันวาคมและมกราคมซึ่งแปรผันตรงกับความต้องการพลังน้ำในการผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ในการศึกษานี้ยังไม่มีข้อมูลการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนในแม่น้ำสาขาของ สปป.ลาว มาประกอบการวิเคราะห์สาเหตุร่วมของการเปลี่ยนแปลง
5) แม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงสายประธานฝั่งประเทศไทย ได้แก่ สถานีบ้านวังเลา สถานีห้วยชะโนดที่บ้านดอนสวรรค์ สถานีน้ำสงครามที่บ้านท่ากกแดง สถานีน้ำก่ำที่นาแก และสถานีห้วยบางทรายที่สะพานบ้านหนองแอก ปริมาณการไหลและระดับน้ำของแต่ละสถานีในช่วงปี พ.ศ. 2562-2564 (ช่วงปีหลังจากที่เขื่อนไซยะบุรีเปิดดำเนินการ) ลดลงจากในช่วงปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก รวมทั้งช่วงของการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลหายไป ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในบริเวณภูมิภาคนี้ โดยปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รับน้ำสองฝั่งของแต่ละแม่น้ำสาขาลดลง เป็นผลให้ปริมาณน้ำท่าในแต่ละแม่น้ำสาขาลดน้อยลงและไหลลงสู่แม่น้ำโขงสายประธานน้อยลง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความผันผวนของปริมาณการไหลและระดับน้ำที่ลดลง รวมทั้งปริมาณการไหลและระดับน้ำที่สูงที่สุดลดลงจากในช่วงปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก นอกจากนี้ หากพิจารณาช่วงเดือนที่ปริมาณการไหลและระดับน้ำสูงของปี พบว่า ปริมาณการไหลและระดับน้ำของแต่ละแม่น้ำสาขาจะสูงในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งสอดคล้องกับช่วงที่ปริมาณการไหลและระดับน้ำของสถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานที่อยู่ใกล้เคียงสูง โดยเป็นไปตามปริมาณน้ำฝนที่ตกในภูมิภาคในช่วงฤดูฝน แต่สำหรับสถานีน้ำมูลที่ปากมูล (บ้านปากมูล) ปริมาณการไหลและระดับน้ำในช่วงปี พ.ศ. 2535-2560 (ช่วงปีก่อนที่เขื่อนไซยะบุรีจะเปิดดำเนินการ) และในช่วงนี้เป็นช่วงหลังจากที่เขื่อนปากมูลเปิดดำเนินการ (พ.ศ. 2537) มีความผันผวนน้อยกว่าในช่วงปี พ.ศ. 2528-2534แต่ในช่วงเดือนมกราคมและธันวาคม มีปริมาณการไหลและระดับน้ำมีความผันผวนค่อนข้างมากซึ่งแปรผันตรงกับความต้องการพลังน้ำในการผลิตกระแสไฟฟ้าของเขื่อน นอกจากนี้ หากพิจารณาช่วงเดือนที่ปริมาณการไหลและระดับน้ำสูงของปี พบว่า ปริมาณการไหลและระดับน้ำของแม่น้ำมูลจะสูงในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งสอดคล้องกับช่วงที่ปริมาณการไหลและระดับน้ำของสถานีวัดระดับน้ำในแม่น้ำโขงสายประธานที่อยู่ใกล้เคียงสูง โดยเป็นไปตามปริมาณน้ำฝนที่ตกในภูมิภาคในช่วงฤดูฝน
6) จากผลการเปรียบเทียบปริมาณน้ำและระยะเวลาที่มวลน้ำเดินทางในแต่ละสถานี พบว่า ปริมาณน้ำในฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2564 มีค่าน้อยกว่าปี พ.ศ. 2562 และปี พ.ศ. 2563 แต่จุดสูงสุดของระดับน้ำและปริมาณการไหลที่เกิดในช่วงเดือนมกราคม 2564 นั้น พบเร็วขึ้นกว่าปี พ.ศ. 2562 และปี พ.ศ. 2563 และระยะเวลาการเดินทางของปริมาณน้ำในแต่ละสถานีเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากปัจจัยร่วมดังที่อธิบายข้างต้น อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์ระยะเวลาการเดินทางของมวลน้ำจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลรายชั่วโมง เพื่อให้สามารถประเมินเวลาได้ละเอียดยิ่งขึ้น
2.2 การเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลและสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงจากสถานีวัดระดับน้ำเชียงแสนถึงสถานีวัดระดับน้ำโขงเจียม
ข้อมูลทางกายภาพของหน้าตัดการไหล และความลาดชันของแม่น้ำในบริเวณแต่ละสถานีได้มีการรายงานไว้ในเว็บไซต์ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ในการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามสถานการณ์ของแม่น้ำโขงในปี พ.ศ. 2562 ปี พ.ศ. 2563 และปี พ.ศ. 2564 หลังจากที่เขื่อนไซยะบุรีเปิดดำเนินการ โดยภาพหน้าตัดการไหลที่สถานีวัดระดับน้ำทั้ง 8 สถานีบนแม่น้ำโขงสายประธานแสดงดังนี้
2.3 การเปรียบเทียบสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงปี พ.ศ. 2564
เมื่อพิจารณาปริมาณการไหลในฤดูแล้งในปี พ.ศ. 2564 (มกราคม – เมษายน 2564) โดยเลือกใช้ข้อมูลปริมาณการไหลระหว่างวันที่ 1-15 มกราคม 2564 เป็นตัวแทนของข้อมูล ซึ่งในระหว่างนั้นเขื่อนไซยะบุรีได้เปิดดำเนินการครบทุกหน่วยผลิตแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 พบว่าระยะเวลาการเดินทางของน้ำจากสถานีเชียงแสนไปยังสถานีเชียงคานใช้เวลา 5 วัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันในปี พ.ศ. 2563 แต่ยาวนานกว่าในช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2562 (3 วัน (หัวข้อ 3.4.1)) และเดินทางต่อไปจนถึงสถานีมุกดาหาร ใช้เวลาสะสมรวม 8-9 วัน และปริมาณน้ำจะเดินทางถึงสถานีโขงเจียมซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายใช้เวลาสะสมรวม ≥8 วัน (หากประเมินจากระดับน้ำและปริมาณการไหลเฉลี่ยคาดว่าใช้เวลาสะสมรวมประมาณ 10 วัน) ดังนี้
รูปแสดงการเปรียบเทียบปริมาณการไหลเฉลี่ยฤดูแล้งระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2564
ระยะทาง |
353 กม. |
293 กม. |
167 กม. |
150 กม. |
183 กม. |
89 กม. |
308 กม. |
เวลาเดินทาง |
2 วัน |
3 วัน |
2 วัน |
2 วัน |
1 วัน |
||
เวลาสะสม | 0 ———————-> 2 วัน ————————> 4-5 วัน ———————————————————> 6-7 วัน ——————————————————–>8-9 วัน ————>10 วัน |
รูปแสดงสถานการณ์ของแม่น้ำโขงระหว่างวันที่ 1-15 มกราคม 2564
เมื่อพิจารณาปริมาณการไหลในฤดูน้ำหลากในปี พ.ศ. 2564 (มิถุนายน – สิงหาคม 2564) โดยเลือกใช้ข้อมูลปริมาณการไหลระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-5 สิงหาคม 2564 เป็นตัวแทนของข้อมูล พบว่าระยะเวลาการเดินทางของน้ำจากสถานีเชียงแสนไปยังสถานีโขงเจียมซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายใช้เวลาสะสมรวม 8-9 วัน
รูปแสดงการเปรียบเทียบปริมาณการไหลเฉลี่ยฤดูน้ำหลากระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2564
รูปแสดงการเปรียบเทียบปริมาณการไหลเฉลี่ยฤดูน้ำหลากระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2564
ระยะทาง |
353 กม. |
293 กม. |
167 กม. |
150 กม. |
183 กม. |
89 กม. |
308 กม. |
เวลาเดินทาง |
3 วัน |
1 วัน |
1 วัน |
1 วัน |
1 วัน |
1 วัน |
|
เวลาสะสม | 0 ———————–> 3 วัน ————————> 4 วัน —————————> 5 วัน ————————-> 6 วัน ——————————————————->7 วัน ———–> 9 วัน |
รูปแสดงสถานการณ์ของแม่น้ำโขงระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม-5 สิงหาคม 2564