การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งที่ 2
1. วัตถุประสงค์
เพื่อรายงานผลการศึกษา การเข้าถึง การใช้ประโยชน์ มาตรการลดและบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนและแผนการปรับตัว รวมทั้งข้อเสนอเชิงนโยบาย และรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะสำหรับผลการศึกษาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และการดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป
2. กลุ่มเป้าหมาย
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในลุ่มน้ำโขงทั้งภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในพื้นที่ดำเนินการทั้ง 8 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 15 กิโลเมตร จากริมฝั่งแม่น้ำโขง
3. สรุปจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม
ดำเนินการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 08.30-15.30 น. ณ ห้องบอลรูมเอ โรงแรมลายทอง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี มีผู้เข้าร่วมประชุมรวมทั้งสิ้น 100 ราย รายละเอียดแสดงดังตารางที่ 1 และบรรยากาศการประชุมแสดงดังรูปที่ 1
ลำดับ | กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน (ราย) |
1 | ผู้ดำเนินการจัดทำโครงการ | 14 |
– กรมทรัพยากรน้ำ | 8 | |
– บริษัทโครงการฯ | 6 | |
2 | หน่วยงานราชการ | 5 |
– ส่วนกลาง | 2 | |
– ส่วนภูมิภาค | 3 | |
3 | ผู้ทรงคุณวุฒิ | 2 |
4 | เครือข่ายภาคประชาสังคมเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงแม่น้ำโขง | 78 |
จังหวัดเชียงราย | 10 | |
จังหวัดเลย | 10 | |
จังหวัดหนองคาย | 8 | |
จังหวัดบึงกาฬ | 10 | |
จังหวัดนครพนม | 9 | |
จังหวัดมุกดาหาร | 10 | |
จังหวัดอำนาจเจริญ | 8 | |
จังหวัดอุบลราชธานี | 13 | |
5 | ผู้เข้าร่วมเพิ่มเติม | 1 |
รวม | 100 |
บรรยากาศการลงทะเบียน | บรรยากาศภาพรวมของการประชุม |
กล่าวรายงานโดย ดร. ภาณุ มนุญวรวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนติดตามและประเมินผลกระทบข้ามพรมแดน |
กล่าวเปิดโดย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุบลราชธานี |
บรรยากาศการแสดงความคิดเห็น | |
รูปที่ 1 บรรยากาศการจัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ครั้งที่ 2 |
4. ผลการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
ประเด็นความคิดเห็นและข้อเสนอแนะรายจังหวัด
จังหวัด | ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ |
1. เชียงราย | – ในการศึกษาเรื่องตะกอนแขวนลอย ซึ่งพบว่าปริมาณตะกอนมีแนวโน้มลดลง แต่ในสภาพความจริง ปริมาณตะกอนมีแนวโน้มที่ค่อนข้างเพิ่มขึ้น – มีความกังวลว่า หากมีการสร้างเขื่อนเพิ่มขึ้น จะทำให้เกิดสันดอนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การพังทลายของตลิ่งเพิ่มขึ้นด้วย – เห็นว่ามาตรการของภาครัฐ ในการสร้างเขื่อนกันตลิ่ง ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด ควรพิจารณา หาแนวทางอื่น ๆ เพิ่มเติม – ควรยกระดับเรื่องสวัสดิการความปลอดภัยของเครือข่ายภาคประชาสังคม เช่น ควรมีประกันภัยด้าน ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน ในการเดินทางมาร่วมประชุม การเพิ่มสวัสดิการค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาร่วมประชุม เป็นต้น |
2. เลย | – ในการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจและสังคม เรื่องผลกระทบภัยแล้ง และน้ำท่วม มีความเห็นว่าผลกระทบเกิดจากการก่อสร้างประตูระบายน้ำ ไม่ใช่ผลกระทบจากแม่น้ำโขง – เห็นว่าประเทศลาวมีการดูดทรายมากกว่าประเทศไทย แต่มีการพังทลายน้อยกว่าประเทศไทย อาจเป็นสาเหตุที่ปริมาณตะกอนลดลง – ควรศึกษาข้อมูลลุ่มน้ำสาขาอื่น ๆ และการก่อสร้างประตูระบายน้ำเพิ่มเติม เนื่องจากเกรงว่าการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรักจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมได้ – ในภาพรวมทั้งประเทศ ยังขาดเรื่องการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบทั้งประเทศ – ควรมีการบูรณาการข้อมูลการก่อสร้างเขื่อนและผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ร่วมกันระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน – การศึกษาปีงบประมาณต่อไป ควรพิจารณาการกำหนดขอบเขตการดำเนินงาน และงบประมาณสำหรับการศึกษาใหม่ ควรให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดขอบเขตการดำเนินงาน – ผลการศึกษา ควรมีการจัดทำรายงานแยกเป็นรายจังหวัดเพิ่มเติม และเผยแพร่ข้อมูลกลับสู่ภาคประชาชนเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนาจังหวัดในอนาคต – ควรมีการจัดทำระบบบัญชีในเครื่องข่ายของแกนนำแต่ละพื้นที่ – ต้องการให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการปรับปรุงและยกระดับเรื่องสวัสดิการความปลอดภัยของเครือข่ายภาคประชาสังคม เช่น ควรมีประกันภัยด้านความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน ในการเดินทางมาร่วมประชุม การเพิ่มสวัสดิการค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาร่วมประชุม เป็นต้น |
3. หนองคาย | – ควรพิจารณาเรื่องการกัดเซาะและการทับถมพื้นที่ แยกแต่ละช่วง เป็นรายจังหวัด พิจารณาว่าช่วงใดที่มีการกัดเซาะ/ทับถม สูงสุด แล้วเสนอให้มีการสร้างเขื่อนกันตลิ่งเฉพาะในบริเวณที่มีการกัดเซาะสูงสุด – การปฏิบัติการเรื่องการกักเก็บน้ำจากเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนจิ่งหง มีผลต่อระดับน้ำบริเวณช่วงท้ายน้ำตั้งแต่จังหวัดหนองคายลงไป ส่งผลต่อเรื่องความเชื่อดั้งเดิมของประชาชนภายในพื้นที่ และในเวลาไม่นานก็มีการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงปลากระชัง ทำให้ปลาปรับตัวไม่ทันและน็อคน้ำ อีกทั้งยังมีตะกอนที่ถูกพัดพามาเพิ่มเติม – ศึกษาเรื่องการสร้างประตูระบายน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ปากน้ำที่เคยมีการสร้างประตูระบายน้ำกั้นระหว่างลำน้ำสาขาและแม่น้ำโขง เช่น ห้วยโมง ห้วยหลวง – ควรให้ภาคประชาชนได้มีส่วนในการดูแลเรื่องการเปิดปิด/การระบายน้ำ (ปัจจุบันกรมเจ้าท่าเป็นผู้รับผิดชอบ) |
4. บึงกาฬ | – ควรมีการศึกษาเกี่ยวกับลุ่มน้ำสาขาอื่นๆ ในพื้นที่ศึกษาเพิ่มเติม เช่น บึงโขงหลง กุดทิง เป็นต้น เพื่อให้ได้ข้อมูลมาใช้เป็นเครื่องมือไว้แลกเปลี่ยนกับหน่วยงานรัฐ ว่าการสร้างประตูระบายน้ำมีผลกระทบกับภาคประชาชนอย่างไร – ควรมีการยกระดับเรื่องสวัสดิการความปลอดภัยของเครือข่ายภาคประชาสังคม เช่น ควรมีประกันภัยด้านความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน ในการเดินทางมาร่วมประชุม การเพิ่มสวัสดิการค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาร่วมประชุม เป็นต้น |
5. นครพนม | – ควรหาแนวทางการส่งต่อหรือเชื่อมโยงข้อมูลที่ได้จากการศึกษาไปยังภาคีเครือข่าย หรือเชื่อมต่อกับยุทธศาสตร์จังหวัด ควรเชื่อมโยงให้เป็นรูปธรรม ให้คณะทำงานเครือข่ายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการดำเนินงานระดับจังหวัด – ควรให้หน่วยงานราชการระดับจังหวัด รวม 8 จังหวัด รับรู้ผลการการศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน เพื่อได้จัดทำแผนพัฒนาจังหวัดต่อไป ช่วยเหลือชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง – ควรศึกษาและเชื่อมโยงข้อมูลลำน้ำสาขากับแม่น้ำโขง เช่น ลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม เป็นต้น – เรื่องการศึกษาพันธุ์ปลา ควรศึกษาเรื่องสภาพภูมินิเวศว่า เหตุใดปลาจึงชุกชุมในช่วงนั้นๆ เหตุใดจึงมีการเจริญเติบโตได้ดี เหตุใดจึงมีการอพยพในช่วงนั้นๆ อุณหภูมิที่เหมาะสมของน้ำสำหรับการเจริญเติบโตของปลา – ควรทำการศึกษามากกว่าปีละ 2 ครั้ง เพิ่มตัวอย่างการสุ่มเก็บข้อมูลให้มากขึ้น เช่น สุ่มนับจำนวนปลา ชนิดปลา หรือสุ่มผู้ประกอบอาชีพ ชนิดอาชีพ ประเภทอาชีพ ให้ครอบคลุมหลายมิติ เพื่อให้ได้ผลการศึกษาที่ดี ตรงตามความต้องการของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง – ควรสร้างเครือข่ายภาคประชาชนรุ่นใหม่ ให้มาศึกษาเรียนรู้กับคณะผู้วิจัย การศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน |
6. มุกดาหาร | – ระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป มีผลให้ประชากรปลาในแม่น้ำโขงลดลง – แต่ละพื้นที่ต้องช่วยกันให้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ เป็นการร่วมมือกันเฝ้าระวัง – ควรดูแลเรื่องการปรับปรุงคุณภาพน้ำทั้งน้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภค และบริโภค – ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร |
7. อำนาจเจริญ | – เห็นว่ามวลน้ำมีการเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามฤดูกาล ทำให้ชาวประมงหรือการท่องเที่ยวไม่สามารถควบคุมเรื่องจำนวนประชากรสัตว์น้ำที่ลดลงได้ – พื้นที่ทำการเกษตรลดลง เนื่องจากมวลน้ำที่ท่วมพื้นที่เกษตรริมฝั่งเพิ่มขึ้น – ควรมีการส่งเสริมอาชีพ เพิ่มพื้นที่ในการอนุบาลสัตว์น้ำ เพื่อลดความเสี่ยงรายได้ไม่แน่นอน และความมั่นคงในการดำรงชีวิต – ควรสร้างเครือข่ายภาคประชาชนรุ่นใหม่ ให้มาศึกษาเรียนรู้กับคณะผู้วิจัย การศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน |
8. อุบลราชธานี | – ควรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศในพื้นที่ช่วงท้ายน้ำ (ช่วงจังหวัดนครพนม-อุบลราชธานี) เนื่องจากมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับเส้นทางการอพยพของปลาในแม่น้ำโขง เนื่องมาจากการระเบิดเกาะ แก่ง จากการก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮง อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เส้นทางการอพยพของปลาเปลี่ยนไป จึงกังวลว่าในอนาคต ปลาบางชนิดอาจสูญหายไป – ในการศึกษาโดยการสุ่มตัวอย่าง ควรเพิ่มจำนวนตัวอย่างให้มากขึ้น จังหวัด เช่น สุ่มนับจำนวนปลา ชนิดปลา หรือสุ่มผู้ประกอบอาชีพ ชนิดอาชีพ ประเภทอาชีพ ให้ครอบคลุมหลายมิติ ให้ศึกษาได้ครอบคลุมทั้ง 28 อำเภอ ใน 8 เพื่อให้ได้ผลการศึกษาที่ดี ตรงตามความต้องการของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง – ควรมีการจัดเวทีการถอดบทเรียนเพิ่มเติม เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการศึกษาต่อไป – ในการกำหนดขอบเขตการศึกษาปีต่อไป ควรให้ภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่ มีส่วนร่วมในการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานด้วย เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อพื้นที่มากที่สุด – ควรพิจารณาการกำหนดขอบเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติมจาก 15 กิโลเมตร ริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น – ควรสนับสนุนการเสริมสร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่ให้มากขึ้น ให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากขึ้น – ควรจัดทำข้อเสนอทั้งหมดให้เป็นรูปธรรม เช่น การกำหนดมาตรการเพื่อยกระดับการทำงาน ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลและคณะทำงานของลุ่มน้ำสาขาทั้งหมด |
ภาพรวม | – ผลการศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ ในแม่น้ำโขงสายประธาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของกรมทรัพยากรน้ำ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับ ภาคประชาชน ในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ในหลาย ๆ ด้าน ต้องการให้ภาครัฐดำเนินโครงการเช่นนี้ต่อไป – ควรจัดทำแผนการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภูมิภาคเพื่อให้ประชาชนรับรู้ จากการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำโขง – การสนับสนุนเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากขึ้น เพื่อปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง – รัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณอย่างเพียงพอในการการศึกษาผลกระทบและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน เพราะสภาพการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็ว จำเป็นต้องพัฒนาองค์ความรู้ และเครื่องมือด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน ให้ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น – ควรมีเครื่องมือ แจ้งเตือน ระวังภัย ผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน แก่ชุมชนเครือข่าย ลุ่มแม่น้ำโขง – ควรมีกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐ ให้ดำเนินงานแบบบูรณาการ ให้รวดเร็วมากขึ้น (One Stop Service) ในการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน – พันธุ์ปลาหายากใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง รัฐควรสนับสนุนให้ชุมชนสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ หรือ หน่วยงานรัฐ (กรมประมง) นำไปวิจัยศึกษา ขยายพันธุ์ให้มากขึ้น และนำกลับมาปล่อยในแม่น้ำโขงเช่นเดิม |